0.00 ฿
What are you Looking for?
ใครที่เคยกินเมล่อนหวานๆหรือผลไม้อร่อยๆ ก็คงอยากจะเอาเมล็ดจากเมล่อนหรือผลไม้ที่พึ่งกินเสร็จไป ไปปลูกต่อเพื่อหวังที่จะได้เมล่อนหวานๆมากินอีกครั้งนึง . . . แต่ว่ามันจะได้เมล่อนหวานๆอย่างนั้นรึเปล่า???
คำตอบคือ
ปลูกได้ . . . งอกเป็นต้นได้ลูกเมล่อน . . . แต่ . . .
เมล่อนจะหวานอร่อยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ได้แก่ สายพันธุ์ และ การปลูก
การปรับปรุงพันธุ์พืช (Plant breeding) คือการพัฒนาสายพันธุ์ ทางพันธุ์กรรมของพืชเพื่อให้ได้พืชพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะดีกว่าเดิมหรือตามที่เราต้องการ หนึ่งในวิธีการปรับปรุงพันธุ์พืชก็คือการผสมข้ามสายพันธุ์ โดยการนำสายพันธุ์2สายพันธุ์ที่มีลักษณะดีที่เป็นที่ต้องการมาผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์และการผสมระหว่างพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ในครั้งแรกนี้จึงเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเมล็ดพันธุ์ ”F1”
พันธุ์เปิด หรือ ที่เรียกว่า โอ.พี. (O.P.) ที่ย่อมาจากคำว่า Open breed คือ เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์แท้ ที่มีพันธุ์กรรมคงที่ ไม่มีการแปรปรวนทางพันธุกรรม เพราะเป็นสายพันธุ์เดี่ยว หากมีการนำเมล็ดที่ได้จากการเพาะปลูกในรุ่นถัดๆ กันไปทำการเพาะปลูกขยายพันธุ์ ก็จะได้ต้นที่มีลักษณะที่เหมือนต้นเดิมทุกประการ ทั้งรูปทรง โครงสร้าง และผลผลิต เมล็ดพันธุ์ชนิดนี้เรา เราสามารถเก็บและปลูกต่อไปได้เรื่อยๆ
เมล็ดพันธุ์ F1 (F One-Hybrid) เป็นเมล็ดพันธุ์สายพันธุ์ลูกผสม ในชั่ว (รุ่น) ที่เกิดจากการผสมข้าพันธุ์ระหว่างพันธุ์แท้ 2 สายพันธุ์ หรือเรียกเข้าใจง่ายว่าพ่อและแม่พันธุ์ (อาจจะ 3 หรือ 4 สายพันธุ์ก็ได้) เมล็ดแบบ F1 ที่ได้ไปปลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงของลักษณะเกิดขึ้นผิดไปจากเดิมเนื่องจากเกิดจากการมี 2 สายพันธุ์หรือมากกว่ามาผสมกัน ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นจะคล้ายกับสายพันธุ์พ่อหรือสายพันธุ์แม่ ดังนั้นอาจจะทำให้ให้ลักษณะของพืชที่ได้นั้นดีขึ้น หรือเลวลงก็ได้ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้มีความแปรปรวนของพันธุกรรมสูง เมื่อนำไปปลูกจะมีความแตกต่างกันในหลายลักษณะ จะไม่เหมือนต้นแม่ จึงไม่เป็นที่นิยมในหมู่เกษตรกรในการเก็บเมล็ดมาทำพันธุ์ต่อไป จะมีก็แต่เมล็ดพันธุ์ที่ผลิตในเชิงการค้าที่มีการผลิตมาโดยเฉพาะ เนื่องจากเมล็ด F1ให้ผลดีกว่า ผลผลิตสูงกว่า พันธุ์เปิด ส่งผลให้ในปัจจุบันเมล็ดพันธุ์มักจะเป็นลูกผสมหรือไฮบริดจ์เสียส่วนใหญ่ เพราะนอกจากผลดีทางพันธุกรรมแล้ว ยังควบคุมสายพันธุ์ไว้ในการควบคุมเพื่อหวังผลทางการตลาดได้ด้วย (ถือเป็นความลับทางการค้านะครับผม และลิขสิทธิ์ของเจ้าของสายพันธุ์นั้นๆ )
ในมุมของเกษตกรก็เช่นกัน การเกษตรในปัจจุบันนั้นมีความก้าวหน้าไปมาก มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะต่างๆ เช่น เนื้อผลมีความหวาน ลูกโต หรือ ทนทานต่อโรค ตามความต้องการของตลาด อีกทั้งยังพัฒนาให้เข้ากับสภาพอากาศและภูมิประเทศที่จะนำไปปลูกอีกด้วย จึงทำให้เมล็ดพันธ์มีราคาแพง เช่นเมล็ดพันธุ์ของเมล่อนที่มีราคาถึง เมล็ดละ 4-6 บาท โดยเฉพาะพันธ์คุนามิและโมมิจิ เมล็ดพันธ์ดีที่ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่นมีราคาสูงถึงเมล็ดละ 9 บาท ทำให้เกษตกรต้องการลดต้นทุนเรื่องเมล็ดพันธุ์จึงลองเอาเมล็ดรุ่นลูกไปปลูกต่อ และไม่ใช่แค่เกษตกร ผู้บริโภคที่ติดใจในรสชาติ ก็อยากจะนำเมล็ดไปปลูกต่อเช่นกัน
นี่ก็เป็นความรู้ความด้านการปรับปรุงพันธุ์ และสาเหตุว่าทำไมเมล่อนที่ปลูกจากเมล็ดที่ได้จากลูกเมล่อนที่ซื้อมาถึงมีลักษณะที่แตกต่างจากแม่ของมัน ซึ่งอาจจะหวานกว่าต้นแม่ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าเมล็ดเป็นเพียง 1 ในหลายๆปัจจัยของการปลูกหรือคุณภาพของเมล่อน (ผลผลิต)
เมล่อนของ “นิทานบ้านไร่ bokujou” ปลูกในรูปแบบของ “ภูมินิเวศเกษตร” ปลอดสารพิษและมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรับประกันความหวาน หากสนใจเมล่อนของ นิทานบ้านไร่ bokujou สามารถจองได้ที่ LINE: @bokujoufarm เราเปิดจองพร้อมโปรโมชั่นในแต่ละเดือน ผ่านทางLINEที่คนชอบผลไม้ต้องไม่พลาด